.
ศูนย์ความรู้เชิงประจักษ์ทางการพยาบาลการผดุงครรภ์และวิทยาศาสตร์สุขภาพแห่งประเทศไทย
The Thailand Centre for Evidence Based Nursing, Midwifery,& Health Science
ประวัติความเป็นมา
ศูนย์ความรู้เชิงประจักษ์ทางการพยาบาล ผดุงครรภ์ และวิทยาศาสตร์สุขภาพ แห่งประเทศไทย
จัดตั้งขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) โดยคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัย เชียงใหม่
ได้เสนอโครงการขอจัดตั้งศูนย์ฯ ต่อสถาบันโจแอนนาบริกส์ (The Joanna Briggs Institute: JBI)
และได้รับอนุมัติจาก The Advisory Committees of the Joanna Briggs Institute แต่งตั้งให้เป็นศูนย์ฯ
สาขาแห่งเดียวในประเทศไทย ใช้ชื่อภาษาไทยว่า “ศูนย์ความรู้เชิงประจักษ์ทางการพยาบาลและผดุงครรภ์แห่งประเทศไทย”
และชื่อภาษาอังกฤษที่เป็นทางการคือ “The Thailand Centre for Evidence Based Nursing and Midwifery:
A Collaborating Centre of the Joanna Briggs Institute” โดยใช้อักษรย่อใน JBI ว่า TCEBNM ณ มหาวิทยาลัยลาโทรป
ประเทศออสเตรเลียและย้ายไปที่มหาวิทยาลัย อดิเลค ในเวลาต่อมาได้มีการเปลี่ยนชื่อศูนย์เป็น
“ศูนย์ความรู้เชิงประจักษ์ทางการพยาบาล การผดุงครรภ์ และวิทยาศาสตร์สุขภาพแห่งประเทศไทย”
(The Thailand Centre for Evidence Based Nursing, Midwifery,& Health Science [TCEBNMSH]) ในปี พ.ศ. 2556
วัตถุประสงค์
1.ส่งเสริม evidence based nursing in Thailand
2.ผลิตงานวิจัยด้านการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ
3.เผยแพร่ best practice information
4.ช่วยเหลือหน่วยงานให้เข้าถึงและนำเอาหลักฐานเชิงประจักษ์ไปใช้ในการให้บริการแก่ผู้รับบริการ
5.ฝึกอบรมการทำงานวิจัยด้านการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบและให้บริการด้านการให้คำปรึกษา
เกี่ยวกับ systematic review และ evidence based practice
การดำเนินงาน
เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินการตามพันธะกิจและข้อตกลงที่ทำไว้กับ JBI คณะกรรมการของศูนย์ฯ
ต้องทำความเข้าใจและศึกษาติดตามความก้าวหน้าของการพัฒนาความรู้และทักษะเกี่ยวกับ
การใช้ JBI Software and Learning Resource เพื่อเป็นผู้แทนของ JBI ในการเผยแพร่ความรู้และแนวทางของ JBI
ในการพัฒนาระบบบริการสุขภาพภายในประเทศไปสู่ Global Health ศูนย์ความรู้เชิงประจักษ์ฯ
จึงได้มีบทบาทในการดำเนินการใน 3 ลักษณะ ดังนี้
1.Evidence Synthesis เป็นบทบาทในการจัดฝึกอบรม systematic review ให้กับผู้สนใจ เพื่อให้ได้มาซึ่ง evidence of best practices
2.Evidence Transfer เป็นบทบาทในการแปลข้อมูลเกี่ยวกับ วิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศจากภาษาอังกฤษให้เป็นภาษาไทย
และเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวเพื่อให้พยาบาลหรือบุคลากรทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพสามารถนำไปใช้ในการปฏิบัติได้
3.Evidence Utilization เป็นบทบาทในการจัดฝึกอบรมในการใช้หลักฐานเชิงประจักษ์เพื่อพัฒนารูปแบบ
การให้บริการทางด้านสุขภาพเพื่อผลลัพธ์ที่เป็นเลิศต่อผู้ใช้บริการ
ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ WWW.nurse.cmu.ac.th/jbicmu